WelCome 2 MINaTa Blogg Kaa·.¸¸.ஐ

Bienvenue Tout le Monde ยินดีต้อนรับค่า Comment ให้ด้วยนะ เราไม่ขออะไรมากมาย ขอแค่ คำติชมของ " พวกคุณ" เท่านั้นพอค่ะ Merci !!

วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2551

Ludwig van Beethoven นักดนตรีผู้โดดเดี่ยว

Ludwig van Beethoven (pron. en allemand : API: [ˈluːt-vɪç-fan-ˈbeːt-hoː-fn]), né à Bonn le 16 ou le 17 décembre 1770 et mort à Vienne le 26 mars 1827, était un compositeur allemand dont l’œuvre s’étend chronologiquement de la période classique aux débuts du romantisme. Dernier grand représentant du classicisme viennois (après Gluck, Haydn et Mozart), Beethoven prépara l’évolution vers le romantisme en musique et influença la musique occidentale pendant une grande partie du XIXe siècle. Inclassable (« Vous me faites l’impression d’un homme qui a plusieurs têtes, plusieurs cœurs, plusieurs âmes[1] » lui dit Haydn vers 1793), son art s’exprima dans tous les genres, et bien que sa musique symphonique fût la principale source de sa popularité universelle, c’est dans l’écriture pianistique et dans la musique de chambre que son impact fut le plus considérable. Surmontant à force de volonté les épreuves d’une vie marquée par le drame de la surdité, célébrant dans sa musique le triomphe de l’héroïsme et de la joie quand le destin lui prescrivait l’isolement et la misère, il a mérité cette affirmation de Romain Rolland : « Il est bien davantage que le premier des musiciens. Il est la force la plus héroïque de l’art moderne[2] ». Expression d’une inaltérable foi en l’homme et d’un optimisme volontaire, consacrant la création musicale comme action d’un homme libre et indépendant, l’œuvre de Beethoven a fait de lui une des figures les plus marquantes de l’histoire de la musique.

ลุดวิก ฟาน เบโทเฟน (Ludwig van Beethoven) (เข้าพิธีศีลจุ่มเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2313(ค.ศ. 1770) - เสียชีวิต 26 มีนาคม พ.ศ. 2370(ค.ศ. 1827)) เป็นคีตกวีชาวเยอรมัน เกิดที่เมืองบอนน์ ประเทศเยอรมนี เบโทเฟนเป็นตัวอย่างของศิลปินยุคโรแมนติกผู้โดดเดี่ยว และไม่เป็นที่เข้าใจของบุคคลในยุคเดียวกันกับเขา ในวันนี้ เขาได้กลายเป็นคีตกวีที่มีคนชื่นชมยกย่องและฟังเพลงของเขากันอย่างกว้างขวางมากที่สุดคนหนึ่ง การสูญเสียการได้ยิน ปัญหาของเขาเกี่ยวกับ คาร์ล หลานชายซึ่งเขาได้รับสิทธิ์เป็นผู้อุปถัมภ์ ความผิดหวังในความรัก และอารมณ์อันแปรปรวน ทำให้ชีวิตของเขาเหมือนเทพนิยายโรแมนติก ตำนานที่คงอยู่นิรันดร์เนื่องจากได้รับการยกย่องจากคีตกวีโรแมนติกทั้งหลาย เบโทเฟนได้กลายเป็นแบบอย่างของพวกเขาเหล่านั้นด้วยความเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียมทาน ซิมโฟนีของเขา (โดยเฉพาะอย่างยิ่งซิมโฟนีหมายเลข 5 ซิมโฟนีหมายเลข 6 ซิมโฟนีหมายเลข 7 และ ซิมโฟนีหมายเลข 9) และคอนแชร์โตสำหรับเปียโนที่เขาประพันธ์ขึ้น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอนแชร์โตหมายเลข 4 และ 5) เป็นผลงานที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ก็มิได้รวมเอาความเป็นอัจฉริยะทั้งหมดของคีตกวีไว้ในนั้น

>>>>> ต้องการฟังเพลง แนวบีโะเฟน ทางนี้เลยค่าาา <<<<

Thx : http://Wikipedia

วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2551

" สุดยอดเครื่องทรมานของ URope "

การทรมานหลากหลายรูปแบบถูกใช้มากในยุคกลาง และเริ่มมีขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 15ในหลายประเทศในยุโรปถือว่าการทรมานคนเป็นเรื่องปกติและถูกต้องตามกฏหมายเครื่องมือที่ใช้ในการทรมานก็มีมากมายหลายรูปแบบเช่นกัน แต่ละอย่างนี้แค่เห็นก็ขอตายดีกว่าจะอยู่ให้ทรมานดีกว่า
วันนี้เลยมีตัวอย่างเครื่องทรมานในยุโรปมาให้อ่านกัน เพื่อความบังเทิงใจ ความสะใจ โกรธใครมาขอให้อ่านที่บทความนี้ นะค่า.............

สาวพรหมจรรย์เหล็ก(Iron Maiden)

อันนี้โด่งดังมากในบ้านเรา รูปร่างของมันเป็นโลงเหล็กแนวตั้งขนาดพอดีกับร่างมนุษย์ มีประตูเปิดปิดด้านหน้า ภายในเป็นเหล็กแหลมยาวทั้งด้านหน้าและด้านหลัง วิธีใช้ก็ง่าย ๆ เริ่มจากจัดการฉุดกระชากลากถูผู้ต้องหาเข้าไปในนั้นและปิดประตู(ฝา)เหล็กแหลมที่อยู่ข้างในก็จะทิ่มแทงผู้ต้องหาโชคร้ายผู้นั้นจนพรุนไปหมดทั้งตัวและจากที่เห็นในรูปมีเหล็กแค่ท่อนบนและตรงฐานข้างล่างนั้นมีช่องเล็กๆเจาะเอาไว้?ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อก็เพื่อที่จะให้เลือดของคนที่ถูกส่งเข้าไปอยู่ในนั้นไหลออกมาตามช่องนี้ มีเลือดไหลจ๊อกๆออกมาจากแม่สาวพรหมจรรย์นี่ท่วมทะลัก ทำให้นักโทษหรือผู้ต้องหาส่วนใหญ่ที่ส่งมาให้ถูกทรมานด้วยแม่สาวพรหมจรรย์นี่ ส่วนใหญ่จะช็อกตายซะก่อน เรียกว่าตั้งแต่ได้เห็นของจริงก็กลัวจนหัวใจวายตายไปเลยน่ะ


Judas Chair หรือJudas Cradle

รูปร่างคล้ายเก้าอี้ แต่ส่วนบนรูปร่างเหมือนแหลมๆเหมือนปิรามิด

วิธีใช้ก็ไม่มีอะไรมากเอาแขนขาของนักโทษหรือผู้ต้องหามามัดเอาไว้กับกำแพงรึว่าเพดาน ส่วนขาจะถูกดึงให้แยกออกจากกัน แล้วทีนี้ก็จะค่อยๆดึงนักโทษลงมาให้นั่งบนไอ้หัวปิระมิดแหลมๆนั่นแหละ (อ๋อ...แล้วไงต่อ)เอาล่ะ ที่นี้ลองจินตนาการภาพตัวเองเวลานั่งลงไปบนของแหลมๆนะครับ(ในสภาพที่ขาทั้งสองแยกออกจากกัน)

ไอ้หัวปิระมิดแหลมๆนั่นน่ะ ก็คงคิดออกว่ามันจะทิ่มเข้าไปในรูทวารกับช่องคลอดถ้าเป็นผู้ชายคงได้เปรียบ มีอยู่รูเดียว?และแล้วหัวปิระมิดมันก็จะเริ่มแทงทะลุเข้าไปเรื่อยๆโดยจุดประสงค์หนึ่งของเครื่องนี้มันก็คือ ไม่ให้นักโทษได้หลับได้นอนกันนั่นแหละนั่งอยู่ตรงนั้นไปทั้งวัน ถ้าคลายกล้ามเนื้อเมื่อไหร่ก็โดนหัวปิระมิดแทง(ต้องเกร่งกล้ามเนื้อไม่งั้นโดนแทงทะลุ)



Heretics Fork ส้อมของคนนอกรีต
วิธีใช้ก็อย่างที่เห็นในรูป เอาผูกคอนักโทษแล้วให้ปลายแหลมสองด้านแทงคางกับคอ เวลาเดินไปไหน ผู้คนจะต้องหันมามอง เพราะมันหล่อมากๆๆๆ

ขอขอบคุณความรู้ดีๆจาก http://my.dek-d.com/writer/story ด้วยนะค่ะ